วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ดูดไขมันลดส่วนเกิน คิดดีแล้วหรอ? 10 สิ่งที่เราไม่รู้ (แต่ควรรู้) ในการดูดไขมัน




สาวๆ คนไหนที่ไม่มีความมันใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองมีไขมันส่วนเกิน แล้วคิดอยากจะไปกำจัดไขมันส่วนเกินนั้นออก อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจไป มาดูข้อควรรู้และเรื่องที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนดีกว่ามั้ย

1.  การดูดไขมันไม่ใช่เป็นการลดน้ำหนักอย่างแรกเลย การดูดไขมันมีผลเฉพาะต่อบางพื้นที่บางจุดเท่านั้น โดยเฉพาะต้นขาและเอว (พุง) นอกจากนี้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจดูดไขมันส่วนเกินนั้น Dr.Dirk Lazarus ศัลยแพทย์พลาสติก แห่งเคปทาวน์ กล่าวว่า คุณควรมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) น้อยกว่า 30

2.  หายแต่เพิ่ม งงมั้ย แน่นอว่าการดูดไขมัน อาจจะทำให้เซลล์ไขมันของคุณหายไป แต่ไขมันส่วนอื่นอาจจะเพิ่มมาแทน เพื่อทดแทนส่วนที่หายไป ผู้หญิงรูปร่างปกติที่ดูดไขมันที่ต้นขาและท้องน้อย จะมีไขมันในปริมาณที่เท่ากัน เพิ่มขึ้นที่บริเวณเอวส่วนบนช่วงไหล่ และต้นแขนส่วนไตรเซพ การเพิ่มของไขมันเป็นภาวะการพิทักษ์การสะสมไขมันของร่างกาย นอกจากนี้ภายหลังจากที่คุณดูดไขมันไปแล้ว คุณก็จะกลับไปบริโภคอาหารที่ให้พลังงานมากเกินกว่าที่ใช้ในแต่ละวัน ไขมันกลับมาพอกพูนในส่วนที่เซลล์ไม่ถูกทำลาย

3.  เพิ่มที่อื่นแทน แม้ว่าคุณจะทำการดูดไขมันส่วนเกินออกไปแล้ว แน่นอนว่าไขมันจะไม่กลับเข้าไปสะสมอยู่ที่เดิมที่ถูกดูดออกมา เพราะการดูดไขมันได้ทำลายผนังเซลล์ในส่วนนั้น แต่ไขมันก็จะไปเพิ่มอยู่ส่วนอื่นแทนนั่นเอง

4.  นำไปเพิ่มที่อื่นได้ ไขมันที่ถูกดูดออกไป สามารถนำกลับมาฉีดกลับเข้าไปในอวัยวะส่วนอื่นๆ ได้ ตั้งแต่ริมฝีปาก จรดอวัยวะเพศ…! นี่คือเรื่องจริง เนื่องจากไขมันที่ถูกดูดออกมา มันคือส่วนหนึ่งของร่างกาย จึงไม่มีโอกาสต่อต้านด้วยร่างกายของตนเอง และกระบวนการนี้สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง และพร้อมกันกับการดูดไขมันเพียงแค่ฉีดยาชาเพิ่มเท่านั้นเอง

5.  หญิงดีกว่าชาย ศัลยแพทย์พลาสติกจากเมือง เดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ ยังกล่าวอีกว่า การดูดไขมันมักจะประสบผลสำเร็จ ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายของเพศชายนั้นดูดได้ยากกว่าและใช้เวลานานกว่า

6.  วิธีใหม่ส่งตรงจากสปา วิธีนี้เรียกว่า Cryolipolysis (Cool Sculpting) ซึ่งเป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น แต่วิธีนี้ ศัลยแพทย์ ยังมีข้อกังขาอยู่ว่ามีผลเป็นเพียงการสลายเฉพาะจุดเท่านั้น

7.  ใช้เทคโนโลยีต่าง ผลลัพท์ต่าง การดูดไขมันด้วยวิธี Ultrasonic-Assisted Liposucting (UAL หรือ การดูดไขมันด้วยอัลตร้าซาวด์) ซึ่งใช้การประยุกต์คลื่นเสียงความถี่สูงมาใช้ ด้วยการใช้สัญญาณเสียงส่งผ่านไปที่ปลายท่อยาว และทำให้เซลล์ไขมันแบบหนาแน่นเช่น ในส่วนหน้าอกและหลัง ส่วนการดูดไขมันด้วย Laser Lipolysis (การดูดไขมันด้วยเลเซอร์) ซึ่งเป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงเซลล์ไขมันที่ต้องการสลายจนกลายเป็นน้ำมัน เมื่อไขมันสลายแล้ว ก็จะไหลออกทางเข็มทางเข้าของสายเลเซอร์ ยังมีอีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือ Tumescent Technique เป็นการดูดไขมันแบบฉีดสารละลายระหว่างยาชา และยา Epinephrine เป็นวิธีที่มีการพัฒนาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าวิธีนี้นี่แหละที่คุณจะได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า ผิวหนังที่ถูกดูดไขมันออกไปจะเรียบเนียน ไม่ค่อยมีร่องรอยให้เห็น เลือดออกน้อย แถมยังมีรอยเขียวช้ำน้อยกว่าอีกด้วยล่ะ

8.  ผลอยู่นานขึ้น ถ้าปฏิบัติตนถูกต้อง ระยะ พักฟื้นภายหลังจากที่ดูดไขมันจะสั้นหรือนานกว่าปกติ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง หากว่า คุณใช้ผ้ายืดรัดกระชับรูปทรงและลดความเร็วในการเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นเกิดลิ่มเลือดและเลือดคั่งได้ นอกจากนี้การรับประทานอาหารก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ควรใส่ใจ ควรหันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพจะดีกว่าเวลาที่จะเห็นผลอย่างชัดเจนก็ราวๆ 6 เดือน นั่นคือระยะเวลาที่คุณจะต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษเลยล่ะ

9.  อาจมีผลข้างเคียง หากการดูดไขมันกระทำโดยผู้ด้อยประสบการณ์ก็จะส่งผลให้เกิดอันตรายกันคนไข้ได้ อย่างเช่น การเกิดรอยไหม้ของไขมัน จากการ UAL (Ultrasonic-Assisted Liposucting) การอุดตันของลิ่มเลือดที่ปอด และอาการช็อคที่เกิดจากการทดแทนน้ำที่ไม่เหมาะสมภายหลังจากการดูดไขมัน

10.  อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น Marella O’Reilly CEO ของ HPCSA (Health Professions Council of South Africa) องค์กรผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข กล่าวว่า การดูดไขมันต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ภายใต้เงื่อนไขและสภาวะแวดล้อมที่เหมาะควรเท่านั้น

สาวๆ คนไหนคิดจะไปดูดไขมันส่วนเกินออกก็ควรทำการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการและสถานประกอบการณ์ก่อน รวมไปถึง สภาพร่างกายของตัวเองด้วย ที่สำคัญหากร่างายคุณไม่พร้อมไม่ว่าแพทย์เชี่ยวชาญแค่ไหน มันก็สามารถเกิดโอกาสเสี่ยงได่อย่างแน่นอน

ขอบคุณที่มาจาก: http://women.mthai.com/women-variety/90688.html

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำผิวขาวฉีดผิวขาวด้วยกลูต้าไธโอน (Glutathione)มีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย



กระแสความนิยมผิวขาวใสของสังคมยุคนี้ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่เสาะแสวงหาสารพัดวิธีทำผิวขาวจนหลงเชื่อคำโฆษณาอวดอ้างตามสื่อต่างๆว่ามียาหรือเครื่องสำอางทำให้หน้าขาวใสผิวขาวสวยแม้กระทั่งการฉีดยารักษาโรคมะเร็งที่มีสาร "กลูต้าไธโอน"เข้า เส้นเลือดหวังให้ยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังเพื่อให้ผิวขาวใสโดยหารู้ ไม่ว่าเป็นผลดีหรือผลร้ายและมีผลข้างเคียงระยะยาวอย่างไร...?

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ"สารกลูต้าไธโอน"กันเสียก่อนโดย ศ.นพ.นิวัติ พล นิกร ประธานวิชาการสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ อธิบายว่า กลูต้าไธโอน (Glutathione)เป็น สารจากธรรมชาติที่อยู่ในร่างกายที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองโดยปกติ เซลล์ในร่างกายสามารถสร้างเองได้จากกระบวนปฏิกิริยาชีวเคมีในเซลล์ทั่วไปทำ หน้าที่ในการขจัดสารพิษในร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ เกิดจากแสงแดด มีการกระทบกระเทือนหรือมีบาดแผลกลูต้าไธโอนก็จะขจัดออกไป จึงช่วยป้องกันชะลอความแก่ ริ้วรอยเหี่ยวย่นจากวัยที่มากขึ้นและป้องกันภาวะเสื่อมของเซลล์ที่อาจจะเกิด โรคมะเร็งกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย(ImmuneEnhancer) โดยกระตุ้น การทำงานของเอนไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งเชื้อ แบคทีเรียและไวรัสและผลพลอยได้ที่พบคือสามารถทำให้สีผิวขาวขึ้นได้โดยอาศัย กลไกการทำงานที่มีคุณสมบัติในการไปยับยั้งการทำงานของเม็ดสีผลลัพธ์คือทำให้ สีผิวขาวขึ้นได้ระดับหนึ่งแต่ก็เกิดขึ้นไม่ถาวรจากคุณสมบัตินี้ทำให้มีการ สังเคราะห์สารตัวนี้ขึ้นมาเป็นผงสีขาวโดยมีการนำไปผสมกับวิตามินซีและ ผลิตออกมาใช้ฉีด ทาและรับประทานปัจจุบันผลิตมากในต่างประเทศ เช่น อิตาลี ญี่ปุ่นเกาหลีจนกระทั่งมีแพร่หลายและเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นหนุ่มสาวใน ประเทศไทยซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายเพราะสารดังกล่าวไม่ได้ยื่นขออนุญาตหรือขอจดทะเบียนกับทางอย

โดยวิธีทำผิวขาวในปัจจุบันนี้นิยมการใช้สารกลูต้าไธโอนในการเพิ่มความขาวนั้นศ.นพ.นิวัติ บอกว่าวิธีทาและรับประทานไม่ค่อยเห็นผลจึงนิยมใช้วิธีฉีดเข้าเส้นเลือดดำจะเห็นผลเร็วกว่า ปัจจุบันราคาเข็มละ 1,500-4,500บาท โดยต้องฉีดต่อเนื่องหลายเข็มในปริมาณที่มากแล้วแต่ทางคลินิกจะจัดเป็นคอร์ส เมื่อฉีดแล้วสารกลูต้าไธโอนจะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีทำให้ผิวขาวใสเหมือน ฝรั่งแต่เมื่อเลิกใช้เม็ดสีผิวจะทำงานตามปกติและสีผิวเราก็จะกลับเป็นเหมือน เดิมตามเผ่าพันธุ์ที่เป็นมาแต่กำเนิดและการที่เราไปหยุดการสร้างเอนไซม์เม็ด สีที่เป็นธรรมชาตินานๆเกิดผลข้างเคียงระยะยาวอย่างแน่นอนคือทำให้ผิวคน เอเชียจากที่เคยกรองแสงอัลตราไวโอเลตได้มากก็ทำให้กรองได้ลดลงทำให้ผิวจะไว ต่อรังสียูวีมากขึ้นและได้รับอันตรายจากแสงแดด ทำให้เกิดฝ้ากระ หรือมะเร็งผิวหนังได้ง่าย รวมทั้งเกิดอาการผิวหนังเหี่ยวและแก่ก่อนวัย

ที่ สำคัญผิวหนังเรามีอยู่ทั่วทั้งร่างกายไม่ว่าจะเป็นผิวหนังลูกตาซึ่งเป็น เซลล์สีในการสร้างเมลานินรับภาพและถ้ามีการยับยั้งเป็นเวลานานจะทำให้ม่านตา เสื่อมและอาจจะทำให้จอประสาทตาไวต่อแสงมากขึ้นทำให้การมองเห็นผิดปกติได้นอก จากนี้ยังมีอวัยวะอื่นอีก เช่น หู สมองที่เป็นผิวหนังหากเซลล์ผิวที่หูและสมองเสื่อมจะทำให้หูตึงสุดท้ายเป็น อันตรายถึงกับเยื่อบุสมองเสื่อมนี่เป็นผลข้างเคียงระยะยาวที่เชื่อว่าจะเกิด ขึ้นในอนาคต5-10ปีหากใช้ต่อเนื่องแต่ตอนนี้ยังไม่เห็นผลพราะสารกลูต้าไธโอนเพิ่งจะมีการผลิตและนำมาใช้ได้ไม่นาน

คลินิกสถาบันเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งเปิดให้บริการฉีดผิวขาวโดยเชื่อว่าการ ฉีดกลูต้าไธโอนเพื่อให้ผิวขาวเป็นวิธีทำผิวขาวโดย การฉีดเข้ากระแสเลือดฟอกจากข้างในสู่ภายนอก แพทย์หญิงคลินิกสถาบันเสริมความงามแห่งนี้บอกว่าฉีดเข็มแรกจะเห็นว่าหน้าจะ สดใสไร้สิวขึ้นเพราะที่คลินิกจะใช้กลูต้าไธโอนผสมกับคอลลาเจนและวิตามินซี ลูกค้าจะนิยมซื้อเป็นคอร์สเนื่องจากจะคุ้มกว่าราคาอยู่ที่ครั้งละ 1,500 บาท ฉีดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งต่อเนื่อง 10 สัปดาห์ หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ต่อครั้งลูกค้าส่วนใหญ่จะกลับมาใช้บริการต่อเนื่องเพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงคือ ขาวกระจ่างใสขึ้นเมื่อฉีดผิวขาวแล้วสามารถ กินอาหารและทาครีม โลชั่นได้ตามปกตินอกจากนี้ยังมีทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้าที่กลัวเข็มคือการ กินยากลูต้าไธโอนสังเคราะห์แบบเม็ด กินวันละ 2 เม็ด เช้า-เย็นได้ผลดีเช่นกันแต่เห็นผลช้ากว่าแบบฉีดปัจจุบันมีในรูปแบบของการผสมน้ำดื่มหลากรสชาติ

สำหรับผู้ที่อยากมีผิวขาวและเลือกใช้บริการฉีดผิวขาวนายเป็นหนึ่งชัยฤกษ์หรือหนุ่ย อายุ 32 ปี อาชีพ make up artist ด้วย อาชีพที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงามเขาจึงเลือกที่จะสวยด้วยการฉีดกลูต้าไธ โอนโดยที่ไม่ทราบผลเสียว่าเป็นอย่างไรตอนที่ทำรู้สึกไม่กลัวเลยขอแค่ให้ออก มาสวยก็พอก่อนทำได้ศึกษาข้อมูลจากหนังสือทั่วไปและลองไปสอบถามร้านเสริมความ งามหลายร้านซึ่งราคาก็จะเท่าๆ กันอยู่ที่เข็มละ 1,550 บาท มี 2 ซี ซีหมอแนะนำให้ฉีดสัปดาห์ละครั้ง หรือสองครั้งต่อสัปดาห์หลังจากฉีดเสร็จหมอจะแนะนำให้กินยาต่อเพื่อช่วยให้ มันไม่กลับสู่สภาพเดิมเป็นยาเม็ดกินวันละสองเม็ด เช้า-เย็นจึงตัดสินใจทำตอนนี้ฉีดผิวขาวมาได้สองสัปดาห์แล้วรู้สึกขาวเนียนขึ้นก็จริงแต่มีผลข้างเคียงคือฉีดแล้วรู้สึกว่าหน้าช้ำมากการฉีดผิวขาวมี มาปีกว่าแล้วแต่ช่วงนี้นิยมมากเพราะผิวขาวเทรนด์ญี่ปุ่นเกาหลีกำลังมาแรงแต่ ผมว่าการหันมาดูแลตัว เองสวยจากธรรมชาติด้วยการกินอาหารดีมีประโยชน์ดื่มน้ำมากๆออกกำลังกายดูแล สุขภาพเราเองก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้กัน

ความขาวมีประโยชน์อย่างไร..? เพียง แค่เป็นค่านิยมที่เชื่อกันว่าถ้าผิวขาวแล้วจะสวยแค่นั้นหรือที่เรายอมเอาตัว เข้าเสี่ยงโดยไม่มองถึงผลเสียที่จะตามมาและเสียเงินโดยใช่เหตุทำไมเราไม่ เปลี่ยนความคิดหรือค่านิยมบ้างว่าผิวคล้ำก็สวยได้เช่นผิวที่สวยคือผิวที่มี สุขภาพดีไม่เป็นโรค

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก: women.kapook

ก่อนจะเสริมหน้าอก, แก้หน้าอก, ศัลยกรรมหน้าอก มีเรื่องอะไรบ้างที่ต้องรู้ก่อนตัดสินใจ




1)    อายุ ที่เหมาะสม ในการผ่าตัดเสริมหน้าอก อายุขั้นต่ำที่จะทำการผ่าตัดเสริมหน้าอก ได้คืออายุ 18 ปี ขึ้นไป อายุน้อยๆ กว่านี้ แพทย์ศัลยกรรมที่ดีจะไม่แนะนำให้ผ่าตัดแน่นอน เพราะร่างกายยังเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ เรายังมี โอกาสที่หน้าอกจะขยายใหญ่ขึ้นได้เองด้วยวิธีธรรมชาติ เพราะฉะนั้นไม่ต้องรีบร้อนไปเสริมหน้าอก แต่ถ้าจะให้ดี รอให้อายุ 22 ปี ขึ้นไปจะดีกว่า เป็นอายุที่เหมาะสมที่สุดที่สามารถเสริมหน้าอกได้  เพราะร่างกายเราโตเต็มที่แล้ว

2)   เฟ้นหาแพทย์ศัลยกรรมมืออาชีพที่ผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกเก่งที่สุด ก่อนกระโจนเข้าไปในสถาบันเสริมความงามที่ไหน (เพราะเข้าไปแล้วโดนกล่อมจนอยู่หมัดทุกรายไป) เลือกแพทย์ศัลยกรรมที่น่าเชื่อถือได้ในสถาบันที่น่าเชื่อถือ เพราะผิดพลาดไปแล้วแก้ยังไง ก็ไม่เหมือนเดิม ควรเฟ้นหาแพทย์ศัลยกรรมหรือสถาบันเสริมความงามที่เป็นมือโปรมีประสบการณ์การผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกมาหลายๆ ปี สอบถามจากผู้ที่เคยผ่านการผ่าตัดเสริมหน้าอกกับเค้ามาโดยตรงแล้วจะดีที่สุดอย่าได้ไปหลงเชื่อ โฆษณา หรือ profile ที่เค้าเตรียมไว้ เพราะเค้าลงทุนไปหลายแสนเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือทีสุดอยู่แล้ว ควรจะสอบถามซัก 2-3 คน ที่มีช่วงเวลาผ่าตัดห่างๆ กันด้วย เช่น 3-6เดือน 1 ปี หรือ 3 ปี ขึ้นไป เพื่อดูผลข้างเคียงระยะยาวด้วย

3)   ข้อดีและข้อเสียของการทำหน้าอก ศึกษาข้อดีข้อเสียของการทำหน้าอกให้ดีเสียก่อน เหรียญยังมีสองด้านของทุกอย่างมีทั้งด้านบวกและลบ ลองทบทวนดูว่าคุ้มไม๊กับการผ่าตัดเสริมหน้าอกในครั้งนี้

4)   ประเภทของวัสดุในการเสริมหน้าอก วิวัฒนาการเรื่องความงามหน้าอกมีการพัฒนาต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มี เทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยเสริมหน้าอกให้สาวๆ มากมาย สมัยนี้วัสดุในการเสริมหน้าอกจึงไม่ได้มีแค่ถุงน้ำเกลือ หรือ ถุงซิลิโคน เท่านั้น แต่ยังมีอย่างอื่นอีกมากมายที่สาวๆ ต้องศึกษาคุณสมบัติข้อควรระวังข้อดีและข้อเสียของมันให้ดีก่อนการตัดสินใจ

5)   รูปทรงและขนาดหน้าอกสาวๆ ควรตัดสินใจให้ได้ก่อนว่ารูปทรงหน้าอกและขนาดหน้าอกแบบไหนกันแน่ที่เราต้องการ หน้าอกตามธรรมชาติมีหลายรูปทรง ทั้งสตรอเบอรี่ แอ๊ปเปิ้ล มะนาว แตงโม ลูกแพร์ หรือ ทรงสับปะรด แต่สำหรับการผ่าตัดหน้าอกจะมีแค่ ทรงยอดนิยม คือ หน้าอกทรงกลมเหมือนทรงแตงโม และทรงหยดน้ำหรือทรงน้ำตา แล้วขนาดหน้าอกล่ะเท่าไหร่ดี อย่าได้คิดว่าไหนๆ ก็เสียเงินแล้ว เจ็บตัวแล้ว เอาหน้าอกไซท์ใหญ่ๆ เบิ้มที่สุดเลยแล้วกัน จริงแล้วเราควรเลือก size ให้เหมาะสมกับสรีระเราด้วย คนตัวเล็กหน้าอกใหญ่ๆ ก็ไม่สมส่วน พลอยจะทำให้การทรงตัวไม่สมดุลไปด้วย สำหรับหน้าอก size ยอดนิยมที่สาวๆ ชอบเลือกทำศัลยกรรมหน้าอกกันมากที่สุด คือ หน้าอกคัพ C

6)   ผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก สิ่งสำคัญมากๆ อีกอย่างที่มักถูกมองข้ามเสมอและเป็นเป็นสิ่งที่สาวๆ ควรรู้ ก่อนเข้ารับการผ่าตัดคือผลข้างเคียงหลังการผ่าตัดทำหน้าอก รู้หรือไม่? หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกเราต้องนวดหน้าอกเพื่อป้องกันพังผืดเกาะหน้าอกต่อไปอีก 6 เดือน และควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือกิจกรรมหนักๆ ที่อาจทำให้เกิดอันตรายกับหน้าอกของเรา

7)   ทำใจยอมรับการผ่าตัดครั้งต่อๆ ไป เมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งต่อไป เมื่อผ่าแล้วไม่ได้แปลว่าครั้งเดียวจบ เมื่อเวลาผ่านไป คุณอาจจะต้องผ่าตัดแก้หน้าอกซ่อมแซมอีก นอกจากนี้ปัญหาที่พบได้บ่อยๆ หน้าอกสองข้างสูงต่ำไม่เท่ากันจึงต้องผ่าต้ดแก้หน้าอกอีก เพราะฉะนั้นก่อนที่จะตัดสินใจศัลยกรรมหน้าอกควรทบทวนให้ดีและศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อนเพื่อช่วยเพิ่มในการตัดสินใจให้มากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก: http://www.girlysociety.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538983341&Ntype=2