สาวๆ คนไหนที่ไม่มีความมันใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองมีไขมันส่วนเกิน
แล้วคิดอยากจะไปกำจัดไขมันส่วนเกินนั้นออก อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจไป มาดูข้อควรรู้และเรื่องที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนดีกว่ามั้ย
1. การดูดไขมันไม่ใช่เป็นการลดน้ำหนักอย่างแรกเลย
การดูดไขมันมีผลเฉพาะต่อบางพื้นที่บางจุดเท่านั้น โดยเฉพาะต้นขาและเอว (พุง) นอกจากนี้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจดูดไขมันส่วนเกินนั้น Dr.Dirk Lazarus ศัลยแพทย์พลาสติก
แห่งเคปทาวน์ กล่าวว่า คุณควรมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) น้อยกว่า 30
2. หาย…แต่เพิ่ม งงมั้ย แน่นอว่าการดูดไขมัน อาจจะทำให้เซลล์ไขมันของคุณหายไป แต่ไขมันส่วนอื่นอาจจะเพิ่มมาแทน
เพื่อทดแทนส่วนที่หายไป ผู้หญิงรูปร่างปกติที่ดูดไขมันที่ต้นขาและท้องน้อย จะมีไขมันในปริมาณที่เท่ากัน
เพิ่มขึ้นที่บริเวณเอวส่วนบนช่วงไหล่ และต้นแขนส่วนไตรเซพ
การเพิ่มของไขมันเป็นภาวะการพิทักษ์การสะสมไขมันของร่างกาย นอกจากนี้ภายหลังจากที่คุณดูดไขมันไปแล้ว คุณก็จะกลับไปบริโภคอาหารที่ให้พลังงานมากเกินกว่าที่ใช้ในแต่ละวัน ไขมันกลับมาพอกพูนในส่วนที่เซลล์ไม่ถูกทำลาย
3. เพิ่มที่อื่นแทน แม้ว่าคุณจะทำการดูดไขมันส่วนเกินออกไปแล้ว แน่นอนว่าไขมันจะไม่กลับเข้าไปสะสมอยู่ที่เดิมที่ถูกดูดออกมา เพราะการดูดไขมันได้ทำลายผนังเซลล์ในส่วนนั้น แต่ไขมันก็จะไปเพิ่มอยู่ส่วนอื่นแทนนั่นเอง
4. นำไปเพิ่มที่อื่นได้ ไขมันที่ถูกดูดออกไป
สามารถนำกลับมาฉีดกลับเข้าไปในอวัยวะส่วนอื่นๆ ได้ ตั้งแต่ริมฝีปาก จรดอวัยวะเพศ…! นี่คือเรื่องจริง เนื่องจากไขมันที่ถูกดูดออกมา
มันคือส่วนหนึ่งของร่างกาย จึงไม่มีโอกาสต่อต้านด้วยร่างกายของตนเอง และกระบวนการนี้สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง
และพร้อมกันกับการดูดไขมันเพียงแค่ฉีดยาชาเพิ่มเท่านั้นเอง
5. หญิงดีกว่าชาย ศัลยแพทย์พลาสติกจากเมือง เดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้
ยังกล่าวอีกว่า การดูดไขมันมักจะประสบผลสำเร็จ
ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายของเพศชายนั้นดูดได้ยากกว่าและใช้เวลานานกว่า
6. วิธีใหม่ส่งตรงจากสปา วิธีนี้เรียกว่า Cryolipolysis (Cool Sculpting) ซึ่งเป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น
แต่วิธีนี้ ศัลยแพทย์ ยังมีข้อกังขาอยู่ว่ามีผลเป็นเพียงการสลายเฉพาะจุดเท่านั้น
7. ใช้เทคโนโลยีต่าง ผลลัพท์ต่าง การดูดไขมันด้วยวิธี Ultrasonic-Assisted Liposucting (UAL หรือ
การดูดไขมันด้วยอัลตร้าซาวด์) ซึ่งใช้การประยุกต์คลื่นเสียงความถี่สูงมาใช้ ด้วยการใช้สัญญาณเสียงส่งผ่านไปที่ปลายท่อยาว และทำให้เซลล์ไขมันแบบหนาแน่นเช่น
ในส่วนหน้าอกและหลัง ส่วนการดูดไขมันด้วย Laser Lipolysis (การดูดไขมันด้วยเลเซอร์) ซึ่งเป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงเซลล์ไขมันที่ต้องการสลายจนกลายเป็นน้ำมัน
เมื่อไขมันสลายแล้ว ก็จะไหลออกทางเข็มทางเข้าของสายเลเซอร์ ยังมีอีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือ Tumescent Technique เป็นการดูดไขมันแบบฉีดสารละลายระหว่างยาชา และยา Epinephrine เป็นวิธีที่มีการพัฒนาอย่างยาวนาน
แน่นอนว่าวิธีนี้นี่แหละที่คุณจะได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า ผิวหนังที่ถูกดูดไขมันออกไปจะเรียบเนียน ไม่ค่อยมีร่องรอยให้เห็น เลือดออกน้อย แถมยังมีรอยเขียวช้ำน้อยกว่าอีกด้วยล่ะ
8. ผลอยู่นานขึ้น ถ้าปฏิบัติตนถูกต้อง ระยะ พักฟื้นภายหลังจากที่ดูดไขมันจะสั้นหรือนานกว่าปกติ
ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง หากว่า คุณใช้ผ้ายืดรัดกระชับรูปทรงและลดความเร็วในการเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นเกิดลิ่มเลือดและเลือดคั่งได้
นอกจากนี้การรับประทานอาหารก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ควรใส่ใจ ควรหันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพจะดีกว่าเวลาที่จะเห็นผลอย่างชัดเจนก็ราวๆ
6 เดือน นั่นคือระยะเวลาที่คุณจะต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษเลยล่ะ
9. อาจมีผลข้างเคียง หากการดูดไขมันกระทำโดยผู้ด้อยประสบการณ์ก็จะส่งผลให้เกิดอันตรายกันคนไข้ได้
อย่างเช่น การเกิดรอยไหม้ของไขมัน จากการ UAL (Ultrasonic-Assisted Liposucting) การอุดตันของลิ่มเลือดที่ปอด
และอาการช็อคที่เกิดจากการทดแทนน้ำที่ไม่เหมาะสมภายหลังจากการดูดไขมัน
10. อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น Marella O’Reilly CEO ของ HPCSA (Health Professions Council of South
Africa) องค์กรผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข กล่าวว่า การดูดไขมันต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ภายใต้เงื่อนไขและสภาวะแวดล้อมที่เหมาะควรเท่านั้น
สาวๆ คนไหนคิดจะไปดูดไขมันส่วนเกินออกก็ควรทำการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการและสถานประกอบการณ์ก่อน
รวมไปถึง สภาพร่างกายของตัวเองด้วย
ที่สำคัญหากร่างายคุณไม่พร้อมไม่ว่าแพทย์เชี่ยวชาญแค่ไหน มันก็สามารถเกิดโอกาสเสี่ยงได่อย่างแน่นอน