วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

ปัญหาปัสสาวะเล็ด ปัญหากวนใจสาวๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก



ปัญหาปัสสาวะเล็ดเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในผู้หญิง ถึงแม้จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อชีวิต แต่ก็ใช่เรื่องเล็กเลยทีเดียว เพราะอาจจะสร้างความเครียด กังวล น่ารำคาญ จนทำให้คุณผู้หญิงบางท่านอาจต้องปลีกตัวจากสังคม เพราะเกรงว่าจะทำเรื่องน่าอายหรือกลายเป็นตัวตลกไปเลย ซึ่งลองมารับรู้เรื่องนี้กันว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง หากคุณพบกับปัญหาเรื่องปัสสาวะเล็ดนี้อยู่พอดี ซึ่งจะมีผลพวงให้เกิดการกระชับช่องคลอดด้วย

การรักษาขึ้นกับสาเหตุปัสสาวะเล็ด ว่าเกิดความบกพร่องที่อวัยวะในการควบคุมการปัสสาวะส่วนใดโดยทั่วไปแนวทางในการรักษามีอยู่ 3 วิธี คือ พฤติกรรมบำบัด การรักษาทางยา และการผ่าตัด ผู้ที่มีอาการไม่มากควรเริ่มจากการทำพฤติกรรมบำบัด นั่นคือการฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยการขมิบหูรูด ลักษณะเหมือนตอนที่กลั้นปัสสาวะ ทำอย่างน้อยวันละ 100 ครั้ง แล้วเพิ่มจำนวนครั้งขึ้นเรื่อยๆ วิธีการนี้ต้องมีความอดทน เพราะต้องใช้เวลานับเดือนกว่าจะเห็นผลและควรทำต่อเนื่องเพื่อลดการเกิดปัสสาวะเล็ดซ้ำ แต่ถ้ามีอาการมากขึ้น จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น ในกรณีที่มีการหย่อนของคอกระเพาะ ปัสสาวะ จะทำการผ่าตัดเพื่อพยุงบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะส่วนต้นไว้ ถ้ามีการหย่อนของผนังช่องคลอดร่วมด้วยก็จะทำการผ่าตัดซ่อมแซมผนังเพื่อกระชับช่องคลอด ที่เรียกกันทั่วไปว่า การทำรีแพร์นั่นเอง


4 วิธีง่ายๆ ป้องกันปัสสาวะเล็ดได้
1.  ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว

2.  ไม่ควรกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ หรือนานเกินไป เพื่อป้องกันภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวผิดปกติ

3.  หลีกเลี่ยงภาวะที่ต้องใช้แรงเบ่งภายในช่องท้องมากและอาการท้องผูก

4.  ออกกำลังกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยการขมิบหูรูดเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความกระชับช่องคลอดและยังช่วยให้ระบบการขับถ่ายดียิ่งขึ้นด้วย

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ควรรู้ไว้ก่อนไปทำทำตาสองชั้น วิธีศัลยกรรมตามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

715680927969515.jpg

เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็มีแต่กระแสเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นหนังเกาหลี แฟชั่นเกาหลี อาหารเกาหลี หรือแม้แต่ตากลมโตบ้องแบ๊วน่ารักๆ แบบสาวเกาหลี จนทำให้สาวไทยหลายคน อยากจะเนรมิตกายให้สวยใสน่ารักแบบเดียวกับเค้าบ้าง และเมื่อเป็นอย่างนั้น ทำให้สาวๆ หลายๆ คนเริ่มสนใจไปทำศัลยกรรมตาตัวเองให้ดูกลมโต รวมไปถึงการทำตาสองชั้น ซึ่งเป็นที่นิยมกันอยู่ขณะนี้ แต่ก่อนที่จะไปทำศัลยกรรมตา มาเรียนรู้กันซักหน่อยว่า เค้ามีวิธีการทำตาสองชั้นอย่างไร และแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

วิธีที่ 1 การเย็บเปลือกตาด้านใน โดยแพทย์จะเย็บจากเปลือกตาด้านใน วิธีนี้จะมีระยะเวลาคงทนอยู่ที่ 1-2 ปีเท่านั้น แล้วชั้นตาจะหลุดทำให้ต้องแก้ไขใหม่

วิธีที่ 2 การตัดหนังตาออกและเย็บ แพทย์จะกรีดเปลือกตาบนเป็นทางยาว เพื่อเอาไขมันส่วนเกินออกแล้วเย็บแผลตามรอยกรีด ข้อเสียของวิธีนี้ คือ ชั้นตาจะเป็นตะเข็บรอยแผลหยาบและเป็นรอยยาว

วิธีที่ 3 การกรีดเปลือกตา ไม่แตกต่างจากวิธีที่สอง แต่แผลจะเล็กและเนียนกว่า

วิธีที่ 4 การใช้เลเซอร์ วิธีนี้จะทำให้เลือดออกน้อย แต่ไม่ได้ทำให้แผลสวยกว่าการผ่าตัดปรกติ

วิธีที่ 5 วิธี ดูดไขมัน เป็นเทคนิคการเจาะรูเล็กๆ ประมาณ 1 ซม. ที่เปลือกตาบนแล้วดูดไขมันออก ถ้าทำถูกจุดโดยแพทย์ที่ชำนาญ จะได้ชั้นตาสวยและดูเป็นธรรมชาติ

วิธีที่ 6 ดูดไขมันร่วมกับการใช้ Microscopic Surgery เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด วิธีนี้จะมีรอยแผลเป็นที่เปลือกตาเล็กมาก แทบมองไม่เห็น ไม่มีอาการบวมช้ำ และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

แนะนำวิธีการศัลยกรรมตาและข้อดีข้อเสียทำตาสองชั้นกันไปแล้ว ที่สำคัญอย่าลืมเลือกสถาบันหรือโรงพยาบาลที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะและเชื่อถือได้ เพื่อให้การทำศัลยกรรมตาออกมาสวยสมใจกันทุกคน


ที่มา: women.thaiza

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

กระชับช่องคลอด คืนความสาว เซ็กซ์ไม่ใช่ทางแก้ของปัญหาเพียงอย่างเดียว

020610694773495.jpg

เดิมทีถ้าพูดถึงกระชับช่องคลอด การรีแพร์ช่องคลอดหลายคนมักเข้าใจว่าเป็นเรื่องของผู้หญิงที่กำลังมีปัญหา ช่องคลอดไม่กระชับ ส่งผลถึงเรื่องบนเตียง แต่แท้ที่จริงแล้วการกระชับช่องคลอด ทำรีแพร์ช่องคลอดไม่ใช่ทางแก้ของปัญหาเซ็กซ์เพียงอย่างเดียว? นายแพทย์คมกฤช เอี่ยมจิรกุล สูติ-นรีแพทย์ ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลเวชธานี เล่าความหมายของการกระชับช่องคลอด การรีแพร์ช่องคลอดว่าเป็นการผ่าตัดเพื่อกระชับช่องคลอด ตกแต่งช่องคลอดรวมทั้งซ่อมแซมกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่เคยฉีกขาด ซึ่งปัญหานี้มักเกิดกับหญิงที่มีช่องคลอดหย่อนหรือมดลูกหย่อน

สาเหตุที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานฉีกขาดหรือหย่อน มาจากหลายกรณี แต่ส่วนใหญ่เกิดจากการคลอดบุตรบางกรณี เช่น คลอดยากต้องอาศัยเครื่องดูดสุญญากาศช่วย หรือใช้คีมคลอด หรือบุตรที่มีน้ำหนักตัวแรกเกิดมากกว่า 3,500 กรัมขึ้นไป บางรายที่เคยผ่านการคลอดบุตรมาก่อน อาจมีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อและช่องคลอดด้านหลังได้ ซึ่งจะส่งผลระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเพศสัมพันธ์ การปัสสาวะและอุจจาระ สำหรับกลุ่มที่ไม่เคยคลอดบุตรมาก่อน ก็อาจมีภาวะช่องคลอดหย่อนได้ เช่น คนที่มีอาการไอเรื้อรังนานๆ ท้องผูกบ่อยๆ ชอบเบ่งอุจจาระเป็นเวลานาน หรือในชีวิตประจำวันมีการยกของหนัก เช่น นักกีฬายกน้ำหนัก อาจมีภาวะช่องคลอดหย่อนได้มากกว่าคนทั่วไป ที่สำคัญปัญหานี้ไม่ได้เกิดเมื่อตอนอายุมากเสมอไป อาการช่องคลอดหย่อนที่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง มีตั้งแต่ปวดหน่วง รู้สึกมีก้อนตุงอยู่ในช่องคลอด มีลมอยู่ในช่องคลอด หรือขณะมีเพศสัมพันธ์รู้สึกไม่กระชับ ปัสสาวะไม่สุดและลำบากในบางครั้ง รวมถึงอาจกลั้นอุจจาระไม่ได้ กลั้นผายลมอยู่ เนื่องจากส่วนบนของช่องคลอดด้านหน้าจะติดกับกระเพาะปัสสาวะ ส่วนด้านหลังติดกับลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย

ด้านการรักษา แพทย์จะพิจารณาจากปัญหาของผู้ป่วยว่ามีปัญหาเกี่ยวกับอะไร เช่น การปัสสาวะ อุจจาระ หรือการมีเพศสัมพันธ์ แล้วตรวจร่างกายเพื่อประเมินดูสรีระ หรือกายวิภาคทางช่องคลอดเป็นอย่างไร หย่อนด้านหน้าหรือด้านหลัง หรือทั้งสองอย่าง จากนั้นจึงผ่าตัดเพื่อกระชับ ตกแต่ง และแก้ไขปัญหาที่มี การผ่าตัดกระชับช่องคลอดนี้ มีพัฒนาการ สมัยก่อนใช้วิธี ผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง เข้าไปดึงผนังช่องคลอดตรึงไว้กับเอ็นบริเวณกระดูกอุ้งเชิงกราน ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน แต่ปัจจุบันมีเทคนิคการผ่าตัดผ่านทางช่องคลอด ความจริงใช้กันนานแล้ว แต่มีการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อลดการกลับเป็นซ้ำ ทั้งยังเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดผ่านหน้าท้อง หรือแม้กระทั่งการส่องกล้องก็ตาม โดยการผ่าตัดผ่านทางช่องคลอดไม่มีแผลให้เห็นภายนอก ใช้เวลาพักฟื้น 1-2 วัน สามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตตามปกติได้ ภาวะช่องคลอดหย่อนมีโอกาสเกิดเป็นซ้ำได้ใน 3-5 ปี ทว่าปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ ใช้ตาข่ายใยสังเคราะห์มาพยุงไว้ ทำหน้าที่แทนเอ็นกล้ามเนื้อ (วิธีเดิม) รองรับบริเวณผนังช่องคลอดที่หย่อนเพื่อให้ทนทานมากขึ้น หรือในรายที่เคยผ่าตัดแล้วและกลับเป็นซ้ำ อาจต้องพิจารณาใช้ตาข่ายใยสังเคราะห์ขึงผนังช่องคลอดด้านหน้าเอาไว้ไม่ให้ หย่อน แต่ไม่ทำให้รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอม สามารถอุจจาระปัสสาวะได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตามผู้หญิงสามารถฟิตช่องคลอด ป้องกันช่องคลอดหย่อนด้วยการขมิบหรือบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยไม่จำเป็นต้องรอทำหลังคลอดบุตร หรือไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยทำ เพราะสามารถขมิบได้ตั้งแต่ยังสาวๆ และปัจจุบันก็มีเครื่องมือที่ช่วยในการฝึกขมิบให้ถูกวิธีด้วย ส่วนความถี่ในการขมิบ แนะนำว่า ทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เวลาใดก็ได้เมื่อสะดวก


ขอบคุณที่มาจาก: http://www.dailynews.co.th/article/822/190174

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ดูดไขมันลดส่วนเกิน คิดดีแล้วหรอ? 10 สิ่งที่เราไม่รู้ (แต่ควรรู้) ในการดูดไขมัน




สาวๆ คนไหนที่ไม่มีความมันใจในตัวเอง คิดว่าตัวเองมีไขมันส่วนเกิน แล้วคิดอยากจะไปกำจัดไขมันส่วนเกินนั้นออก อย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจไป มาดูข้อควรรู้และเรื่องที่คุณอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนดีกว่ามั้ย

1.  การดูดไขมันไม่ใช่เป็นการลดน้ำหนักอย่างแรกเลย การดูดไขมันมีผลเฉพาะต่อบางพื้นที่บางจุดเท่านั้น โดยเฉพาะต้นขาและเอว (พุง) นอกจากนี้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจดูดไขมันส่วนเกินนั้น Dr.Dirk Lazarus ศัลยแพทย์พลาสติก แห่งเคปทาวน์ กล่าวว่า คุณควรมีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) น้อยกว่า 30

2.  หายแต่เพิ่ม งงมั้ย แน่นอว่าการดูดไขมัน อาจจะทำให้เซลล์ไขมันของคุณหายไป แต่ไขมันส่วนอื่นอาจจะเพิ่มมาแทน เพื่อทดแทนส่วนที่หายไป ผู้หญิงรูปร่างปกติที่ดูดไขมันที่ต้นขาและท้องน้อย จะมีไขมันในปริมาณที่เท่ากัน เพิ่มขึ้นที่บริเวณเอวส่วนบนช่วงไหล่ และต้นแขนส่วนไตรเซพ การเพิ่มของไขมันเป็นภาวะการพิทักษ์การสะสมไขมันของร่างกาย นอกจากนี้ภายหลังจากที่คุณดูดไขมันไปแล้ว คุณก็จะกลับไปบริโภคอาหารที่ให้พลังงานมากเกินกว่าที่ใช้ในแต่ละวัน ไขมันกลับมาพอกพูนในส่วนที่เซลล์ไม่ถูกทำลาย

3.  เพิ่มที่อื่นแทน แม้ว่าคุณจะทำการดูดไขมันส่วนเกินออกไปแล้ว แน่นอนว่าไขมันจะไม่กลับเข้าไปสะสมอยู่ที่เดิมที่ถูกดูดออกมา เพราะการดูดไขมันได้ทำลายผนังเซลล์ในส่วนนั้น แต่ไขมันก็จะไปเพิ่มอยู่ส่วนอื่นแทนนั่นเอง

4.  นำไปเพิ่มที่อื่นได้ ไขมันที่ถูกดูดออกไป สามารถนำกลับมาฉีดกลับเข้าไปในอวัยวะส่วนอื่นๆ ได้ ตั้งแต่ริมฝีปาก จรดอวัยวะเพศ…! นี่คือเรื่องจริง เนื่องจากไขมันที่ถูกดูดออกมา มันคือส่วนหนึ่งของร่างกาย จึงไม่มีโอกาสต่อต้านด้วยร่างกายของตนเอง และกระบวนการนี้สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง และพร้อมกันกับการดูดไขมันเพียงแค่ฉีดยาชาเพิ่มเท่านั้นเอง

5.  หญิงดีกว่าชาย ศัลยแพทย์พลาสติกจากเมือง เดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ ยังกล่าวอีกว่า การดูดไขมันมักจะประสบผลสำเร็จ ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายของเพศชายนั้นดูดได้ยากกว่าและใช้เวลานานกว่า

6.  วิธีใหม่ส่งตรงจากสปา วิธีนี้เรียกว่า Cryolipolysis (Cool Sculpting) ซึ่งเป็นการสลายไขมันด้วยความเย็น แต่วิธีนี้ ศัลยแพทย์ ยังมีข้อกังขาอยู่ว่ามีผลเป็นเพียงการสลายเฉพาะจุดเท่านั้น

7.  ใช้เทคโนโลยีต่าง ผลลัพท์ต่าง การดูดไขมันด้วยวิธี Ultrasonic-Assisted Liposucting (UAL หรือ การดูดไขมันด้วยอัลตร้าซาวด์) ซึ่งใช้การประยุกต์คลื่นเสียงความถี่สูงมาใช้ ด้วยการใช้สัญญาณเสียงส่งผ่านไปที่ปลายท่อยาว และทำให้เซลล์ไขมันแบบหนาแน่นเช่น ในส่วนหน้าอกและหลัง ส่วนการดูดไขมันด้วย Laser Lipolysis (การดูดไขมันด้วยเลเซอร์) ซึ่งเป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงเซลล์ไขมันที่ต้องการสลายจนกลายเป็นน้ำมัน เมื่อไขมันสลายแล้ว ก็จะไหลออกทางเข็มทางเข้าของสายเลเซอร์ ยังมีอีกหนึ่งวิธี นั่นก็คือ Tumescent Technique เป็นการดูดไขมันแบบฉีดสารละลายระหว่างยาชา และยา Epinephrine เป็นวิธีที่มีการพัฒนาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าวิธีนี้นี่แหละที่คุณจะได้รับบาดเจ็บน้อยกว่า ผิวหนังที่ถูกดูดไขมันออกไปจะเรียบเนียน ไม่ค่อยมีร่องรอยให้เห็น เลือดออกน้อย แถมยังมีรอยเขียวช้ำน้อยกว่าอีกด้วยล่ะ

8.  ผลอยู่นานขึ้น ถ้าปฏิบัติตนถูกต้อง ระยะ พักฟื้นภายหลังจากที่ดูดไขมันจะสั้นหรือนานกว่าปกติ ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง หากว่า คุณใช้ผ้ายืดรัดกระชับรูปทรงและลดความเร็วในการเคลื่อนไหว เพื่อไม่ให้เกิดแผลเป็นเกิดลิ่มเลือดและเลือดคั่งได้ นอกจากนี้การรับประทานอาหารก็เป็นเรื่องจำเป็นที่ควรใส่ใจ ควรหันมาทานอาหารเพื่อสุขภาพจะดีกว่าเวลาที่จะเห็นผลอย่างชัดเจนก็ราวๆ 6 เดือน นั่นคือระยะเวลาที่คุณจะต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษเลยล่ะ

9.  อาจมีผลข้างเคียง หากการดูดไขมันกระทำโดยผู้ด้อยประสบการณ์ก็จะส่งผลให้เกิดอันตรายกันคนไข้ได้ อย่างเช่น การเกิดรอยไหม้ของไขมัน จากการ UAL (Ultrasonic-Assisted Liposucting) การอุดตันของลิ่มเลือดที่ปอด และอาการช็อคที่เกิดจากการทดแทนน้ำที่ไม่เหมาะสมภายหลังจากการดูดไขมัน

10.  อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น Marella O’Reilly CEO ของ HPCSA (Health Professions Council of South Africa) องค์กรผู้ประกอบวิชาชีพสาธารณสุข กล่าวว่า การดูดไขมันต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ภายใต้เงื่อนไขและสภาวะแวดล้อมที่เหมาะควรเท่านั้น

สาวๆ คนไหนคิดจะไปดูดไขมันส่วนเกินออกก็ควรทำการศึกษาเกี่ยวกับวิธีการและสถานประกอบการณ์ก่อน รวมไปถึง สภาพร่างกายของตัวเองด้วย ที่สำคัญหากร่างายคุณไม่พร้อมไม่ว่าแพทย์เชี่ยวชาญแค่ไหน มันก็สามารถเกิดโอกาสเสี่ยงได่อย่างแน่นอน

ขอบคุณที่มาจาก: http://women.mthai.com/women-variety/90688.html

วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำผิวขาวฉีดผิวขาวด้วยกลูต้าไธโอน (Glutathione)มีผลกระทบอย่างไรต่อร่างกาย



กระแสความนิยมผิวขาวใสของสังคมยุคนี้ทำให้หนุ่มสาวรุ่นใหม่เสาะแสวงหาสารพัดวิธีทำผิวขาวจนหลงเชื่อคำโฆษณาอวดอ้างตามสื่อต่างๆว่ามียาหรือเครื่องสำอางทำให้หน้าขาวใสผิวขาวสวยแม้กระทั่งการฉีดยารักษาโรคมะเร็งที่มีสาร "กลูต้าไธโอน"เข้า เส้นเลือดหวังให้ยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่ผิวหนังเพื่อให้ผิวขาวใสโดยหารู้ ไม่ว่าเป็นผลดีหรือผลร้ายและมีผลข้างเคียงระยะยาวอย่างไร...?

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ"สารกลูต้าไธโอน"กันเสียก่อนโดย ศ.นพ.นิวัติ พล นิกร ประธานวิชาการสมาคมเวชสำอางและศัลยศาสตร์ผิวพรรณ อธิบายว่า กลูต้าไธโอน (Glutathione)เป็น สารจากธรรมชาติที่อยู่ในร่างกายที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองโดยปกติ เซลล์ในร่างกายสามารถสร้างเองได้จากกระบวนปฏิกิริยาชีวเคมีในเซลล์ทั่วไปทำ หน้าที่ในการขจัดสารพิษในร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ เกิดจากแสงแดด มีการกระทบกระเทือนหรือมีบาดแผลกลูต้าไธโอนก็จะขจัดออกไป จึงช่วยป้องกันชะลอความแก่ ริ้วรอยเหี่ยวย่นจากวัยที่มากขึ้นและป้องกันภาวะเสื่อมของเซลล์ที่อาจจะเกิด โรคมะเร็งกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย(ImmuneEnhancer) โดยกระตุ้น การทำงานของเอนไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอมรวมทั้งเชื้อ แบคทีเรียและไวรัสและผลพลอยได้ที่พบคือสามารถทำให้สีผิวขาวขึ้นได้โดยอาศัย กลไกการทำงานที่มีคุณสมบัติในการไปยับยั้งการทำงานของเม็ดสีผลลัพธ์คือทำให้ สีผิวขาวขึ้นได้ระดับหนึ่งแต่ก็เกิดขึ้นไม่ถาวรจากคุณสมบัตินี้ทำให้มีการ สังเคราะห์สารตัวนี้ขึ้นมาเป็นผงสีขาวโดยมีการนำไปผสมกับวิตามินซีและ ผลิตออกมาใช้ฉีด ทาและรับประทานปัจจุบันผลิตมากในต่างประเทศ เช่น อิตาลี ญี่ปุ่นเกาหลีจนกระทั่งมีแพร่หลายและเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นหนุ่มสาวใน ประเทศไทยซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ถือว่าเป็นเรื่องที่อันตรายเพราะสารดังกล่าวไม่ได้ยื่นขออนุญาตหรือขอจดทะเบียนกับทางอย

โดยวิธีทำผิวขาวในปัจจุบันนี้นิยมการใช้สารกลูต้าไธโอนในการเพิ่มความขาวนั้นศ.นพ.นิวัติ บอกว่าวิธีทาและรับประทานไม่ค่อยเห็นผลจึงนิยมใช้วิธีฉีดเข้าเส้นเลือดดำจะเห็นผลเร็วกว่า ปัจจุบันราคาเข็มละ 1,500-4,500บาท โดยต้องฉีดต่อเนื่องหลายเข็มในปริมาณที่มากแล้วแต่ทางคลินิกจะจัดเป็นคอร์ส เมื่อฉีดแล้วสารกลูต้าไธโอนจะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีทำให้ผิวขาวใสเหมือน ฝรั่งแต่เมื่อเลิกใช้เม็ดสีผิวจะทำงานตามปกติและสีผิวเราก็จะกลับเป็นเหมือน เดิมตามเผ่าพันธุ์ที่เป็นมาแต่กำเนิดและการที่เราไปหยุดการสร้างเอนไซม์เม็ด สีที่เป็นธรรมชาตินานๆเกิดผลข้างเคียงระยะยาวอย่างแน่นอนคือทำให้ผิวคน เอเชียจากที่เคยกรองแสงอัลตราไวโอเลตได้มากก็ทำให้กรองได้ลดลงทำให้ผิวจะไว ต่อรังสียูวีมากขึ้นและได้รับอันตรายจากแสงแดด ทำให้เกิดฝ้ากระ หรือมะเร็งผิวหนังได้ง่าย รวมทั้งเกิดอาการผิวหนังเหี่ยวและแก่ก่อนวัย

ที่ สำคัญผิวหนังเรามีอยู่ทั่วทั้งร่างกายไม่ว่าจะเป็นผิวหนังลูกตาซึ่งเป็น เซลล์สีในการสร้างเมลานินรับภาพและถ้ามีการยับยั้งเป็นเวลานานจะทำให้ม่านตา เสื่อมและอาจจะทำให้จอประสาทตาไวต่อแสงมากขึ้นทำให้การมองเห็นผิดปกติได้นอก จากนี้ยังมีอวัยวะอื่นอีก เช่น หู สมองที่เป็นผิวหนังหากเซลล์ผิวที่หูและสมองเสื่อมจะทำให้หูตึงสุดท้ายเป็น อันตรายถึงกับเยื่อบุสมองเสื่อมนี่เป็นผลข้างเคียงระยะยาวที่เชื่อว่าจะเกิด ขึ้นในอนาคต5-10ปีหากใช้ต่อเนื่องแต่ตอนนี้ยังไม่เห็นผลพราะสารกลูต้าไธโอนเพิ่งจะมีการผลิตและนำมาใช้ได้ไม่นาน

คลินิกสถาบันเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่งเปิดให้บริการฉีดผิวขาวโดยเชื่อว่าการ ฉีดกลูต้าไธโอนเพื่อให้ผิวขาวเป็นวิธีทำผิวขาวโดย การฉีดเข้ากระแสเลือดฟอกจากข้างในสู่ภายนอก แพทย์หญิงคลินิกสถาบันเสริมความงามแห่งนี้บอกว่าฉีดเข็มแรกจะเห็นว่าหน้าจะ สดใสไร้สิวขึ้นเพราะที่คลินิกจะใช้กลูต้าไธโอนผสมกับคอลลาเจนและวิตามินซี ลูกค้าจะนิยมซื้อเป็นคอร์สเนื่องจากจะคุ้มกว่าราคาอยู่ที่ครั้งละ 1,500 บาท ฉีดอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งต่อเนื่อง 10 สัปดาห์ หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ต่อครั้งลูกค้าส่วนใหญ่จะกลับมาใช้บริการต่อเนื่องเพราะเห็นความเปลี่ยนแปลงคือ ขาวกระจ่างใสขึ้นเมื่อฉีดผิวขาวแล้วสามารถ กินอาหารและทาครีม โลชั่นได้ตามปกตินอกจากนี้ยังมีทางเลือกใหม่สำหรับลูกค้าที่กลัวเข็มคือการ กินยากลูต้าไธโอนสังเคราะห์แบบเม็ด กินวันละ 2 เม็ด เช้า-เย็นได้ผลดีเช่นกันแต่เห็นผลช้ากว่าแบบฉีดปัจจุบันมีในรูปแบบของการผสมน้ำดื่มหลากรสชาติ

สำหรับผู้ที่อยากมีผิวขาวและเลือกใช้บริการฉีดผิวขาวนายเป็นหนึ่งชัยฤกษ์หรือหนุ่ย อายุ 32 ปี อาชีพ make up artist ด้วย อาชีพที่เกี่ยวข้องกับความสวยความงามเขาจึงเลือกที่จะสวยด้วยการฉีดกลูต้าไธ โอนโดยที่ไม่ทราบผลเสียว่าเป็นอย่างไรตอนที่ทำรู้สึกไม่กลัวเลยขอแค่ให้ออก มาสวยก็พอก่อนทำได้ศึกษาข้อมูลจากหนังสือทั่วไปและลองไปสอบถามร้านเสริมความ งามหลายร้านซึ่งราคาก็จะเท่าๆ กันอยู่ที่เข็มละ 1,550 บาท มี 2 ซี ซีหมอแนะนำให้ฉีดสัปดาห์ละครั้ง หรือสองครั้งต่อสัปดาห์หลังจากฉีดเสร็จหมอจะแนะนำให้กินยาต่อเพื่อช่วยให้ มันไม่กลับสู่สภาพเดิมเป็นยาเม็ดกินวันละสองเม็ด เช้า-เย็นจึงตัดสินใจทำตอนนี้ฉีดผิวขาวมาได้สองสัปดาห์แล้วรู้สึกขาวเนียนขึ้นก็จริงแต่มีผลข้างเคียงคือฉีดแล้วรู้สึกว่าหน้าช้ำมากการฉีดผิวขาวมี มาปีกว่าแล้วแต่ช่วงนี้นิยมมากเพราะผิวขาวเทรนด์ญี่ปุ่นเกาหลีกำลังมาแรงแต่ ผมว่าการหันมาดูแลตัว เองสวยจากธรรมชาติด้วยการกินอาหารดีมีประโยชน์ดื่มน้ำมากๆออกกำลังกายดูแล สุขภาพเราเองก็น่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีไม่แพ้กัน

ความขาวมีประโยชน์อย่างไร..? เพียง แค่เป็นค่านิยมที่เชื่อกันว่าถ้าผิวขาวแล้วจะสวยแค่นั้นหรือที่เรายอมเอาตัว เข้าเสี่ยงโดยไม่มองถึงผลเสียที่จะตามมาและเสียเงินโดยใช่เหตุทำไมเราไม่ เปลี่ยนความคิดหรือค่านิยมบ้างว่าผิวคล้ำก็สวยได้เช่นผิวที่สวยคือผิวที่มี สุขภาพดีไม่เป็นโรค

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก: women.kapook