วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2557

ปัญหาปัสสาวะเล็ด ปัญหากวนใจสาวๆ ที่ไม่ใช่เรื่องเล็ก



ปัญหาปัสสาวะเล็ดเป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในผู้หญิง ถึงแม้จะไม่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อชีวิต แต่ก็ใช่เรื่องเล็กเลยทีเดียว เพราะอาจจะสร้างความเครียด กังวล น่ารำคาญ จนทำให้คุณผู้หญิงบางท่านอาจต้องปลีกตัวจากสังคม เพราะเกรงว่าจะทำเรื่องน่าอายหรือกลายเป็นตัวตลกไปเลย ซึ่งลองมารับรู้เรื่องนี้กันว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง หากคุณพบกับปัญหาเรื่องปัสสาวะเล็ดนี้อยู่พอดี ซึ่งจะมีผลพวงให้เกิดการกระชับช่องคลอดด้วย

การรักษาขึ้นกับสาเหตุปัสสาวะเล็ด ว่าเกิดความบกพร่องที่อวัยวะในการควบคุมการปัสสาวะส่วนใดโดยทั่วไปแนวทางในการรักษามีอยู่ 3 วิธี คือ พฤติกรรมบำบัด การรักษาทางยา และการผ่าตัด ผู้ที่มีอาการไม่มากควรเริ่มจากการทำพฤติกรรมบำบัด นั่นคือการฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยการขมิบหูรูด ลักษณะเหมือนตอนที่กลั้นปัสสาวะ ทำอย่างน้อยวันละ 100 ครั้ง แล้วเพิ่มจำนวนครั้งขึ้นเรื่อยๆ วิธีการนี้ต้องมีความอดทน เพราะต้องใช้เวลานับเดือนกว่าจะเห็นผลและควรทำต่อเนื่องเพื่อลดการเกิดปัสสาวะเล็ดซ้ำ แต่ถ้ามีอาการมากขึ้น จำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัด เช่น ในกรณีที่มีการหย่อนของคอกระเพาะ ปัสสาวะ จะทำการผ่าตัดเพื่อพยุงบริเวณคอกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะส่วนต้นไว้ ถ้ามีการหย่อนของผนังช่องคลอดร่วมด้วยก็จะทำการผ่าตัดซ่อมแซมผนังเพื่อกระชับช่องคลอด ที่เรียกกันทั่วไปว่า การทำรีแพร์นั่นเอง


4 วิธีง่ายๆ ป้องกันปัสสาวะเล็ดได้
1.  ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว

2.  ไม่ควรกลั้นปัสสาวะบ่อยๆ หรือนานเกินไป เพื่อป้องกันภาวะกระเพาะปัสสาวะบีบตัวผิดปกติ

3.  หลีกเลี่ยงภาวะที่ต้องใช้แรงเบ่งภายในช่องท้องมากและอาการท้องผูก

4.  ออกกำลังกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานโดยการขมิบหูรูดเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความกระชับช่องคลอดและยังช่วยให้ระบบการขับถ่ายดียิ่งขึ้นด้วย

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ควรรู้ไว้ก่อนไปทำทำตาสองชั้น วิธีศัลยกรรมตามีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

715680927969515.jpg

เดี๋ยวนี้มองไปทางไหนก็มีแต่กระแสเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นหนังเกาหลี แฟชั่นเกาหลี อาหารเกาหลี หรือแม้แต่ตากลมโตบ้องแบ๊วน่ารักๆ แบบสาวเกาหลี จนทำให้สาวไทยหลายคน อยากจะเนรมิตกายให้สวยใสน่ารักแบบเดียวกับเค้าบ้าง และเมื่อเป็นอย่างนั้น ทำให้สาวๆ หลายๆ คนเริ่มสนใจไปทำศัลยกรรมตาตัวเองให้ดูกลมโต รวมไปถึงการทำตาสองชั้น ซึ่งเป็นที่นิยมกันอยู่ขณะนี้ แต่ก่อนที่จะไปทำศัลยกรรมตา มาเรียนรู้กันซักหน่อยว่า เค้ามีวิธีการทำตาสองชั้นอย่างไร และแต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง

วิธีที่ 1 การเย็บเปลือกตาด้านใน โดยแพทย์จะเย็บจากเปลือกตาด้านใน วิธีนี้จะมีระยะเวลาคงทนอยู่ที่ 1-2 ปีเท่านั้น แล้วชั้นตาจะหลุดทำให้ต้องแก้ไขใหม่

วิธีที่ 2 การตัดหนังตาออกและเย็บ แพทย์จะกรีดเปลือกตาบนเป็นทางยาว เพื่อเอาไขมันส่วนเกินออกแล้วเย็บแผลตามรอยกรีด ข้อเสียของวิธีนี้ คือ ชั้นตาจะเป็นตะเข็บรอยแผลหยาบและเป็นรอยยาว

วิธีที่ 3 การกรีดเปลือกตา ไม่แตกต่างจากวิธีที่สอง แต่แผลจะเล็กและเนียนกว่า

วิธีที่ 4 การใช้เลเซอร์ วิธีนี้จะทำให้เลือดออกน้อย แต่ไม่ได้ทำให้แผลสวยกว่าการผ่าตัดปรกติ

วิธีที่ 5 วิธี ดูดไขมัน เป็นเทคนิคการเจาะรูเล็กๆ ประมาณ 1 ซม. ที่เปลือกตาบนแล้วดูดไขมันออก ถ้าทำถูกจุดโดยแพทย์ที่ชำนาญ จะได้ชั้นตาสวยและดูเป็นธรรมชาติ

วิธีที่ 6 ดูดไขมันร่วมกับการใช้ Microscopic Surgery เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด วิธีนี้จะมีรอยแผลเป็นที่เปลือกตาเล็กมาก แทบมองไม่เห็น ไม่มีอาการบวมช้ำ และดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด

แนะนำวิธีการศัลยกรรมตาและข้อดีข้อเสียทำตาสองชั้นกันไปแล้ว ที่สำคัญอย่าลืมเลือกสถาบันหรือโรงพยาบาลที่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะและเชื่อถือได้ เพื่อให้การทำศัลยกรรมตาออกมาสวยสมใจกันทุกคน


ที่มา: women.thaiza

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

กระชับช่องคลอด คืนความสาว เซ็กซ์ไม่ใช่ทางแก้ของปัญหาเพียงอย่างเดียว

020610694773495.jpg

เดิมทีถ้าพูดถึงกระชับช่องคลอด การรีแพร์ช่องคลอดหลายคนมักเข้าใจว่าเป็นเรื่องของผู้หญิงที่กำลังมีปัญหา ช่องคลอดไม่กระชับ ส่งผลถึงเรื่องบนเตียง แต่แท้ที่จริงแล้วการกระชับช่องคลอด ทำรีแพร์ช่องคลอดไม่ใช่ทางแก้ของปัญหาเซ็กซ์เพียงอย่างเดียว? นายแพทย์คมกฤช เอี่ยมจิรกุล สูติ-นรีแพทย์ ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลเวชธานี เล่าความหมายของการกระชับช่องคลอด การรีแพร์ช่องคลอดว่าเป็นการผ่าตัดเพื่อกระชับช่องคลอด ตกแต่งช่องคลอดรวมทั้งซ่อมแซมกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่เคยฉีกขาด ซึ่งปัญหานี้มักเกิดกับหญิงที่มีช่องคลอดหย่อนหรือมดลูกหย่อน

สาเหตุที่กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานฉีกขาดหรือหย่อน มาจากหลายกรณี แต่ส่วนใหญ่เกิดจากการคลอดบุตรบางกรณี เช่น คลอดยากต้องอาศัยเครื่องดูดสุญญากาศช่วย หรือใช้คีมคลอด หรือบุตรที่มีน้ำหนักตัวแรกเกิดมากกว่า 3,500 กรัมขึ้นไป บางรายที่เคยผ่านการคลอดบุตรมาก่อน อาจมีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อและช่องคลอดด้านหลังได้ ซึ่งจะส่งผลระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเพศสัมพันธ์ การปัสสาวะและอุจจาระ สำหรับกลุ่มที่ไม่เคยคลอดบุตรมาก่อน ก็อาจมีภาวะช่องคลอดหย่อนได้ เช่น คนที่มีอาการไอเรื้อรังนานๆ ท้องผูกบ่อยๆ ชอบเบ่งอุจจาระเป็นเวลานาน หรือในชีวิตประจำวันมีการยกของหนัก เช่น นักกีฬายกน้ำหนัก อาจมีภาวะช่องคลอดหย่อนได้มากกว่าคนทั่วไป ที่สำคัญปัญหานี้ไม่ได้เกิดเมื่อตอนอายุมากเสมอไป อาการช่องคลอดหย่อนที่สามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง มีตั้งแต่ปวดหน่วง รู้สึกมีก้อนตุงอยู่ในช่องคลอด มีลมอยู่ในช่องคลอด หรือขณะมีเพศสัมพันธ์รู้สึกไม่กระชับ ปัสสาวะไม่สุดและลำบากในบางครั้ง รวมถึงอาจกลั้นอุจจาระไม่ได้ กลั้นผายลมอยู่ เนื่องจากส่วนบนของช่องคลอดด้านหน้าจะติดกับกระเพาะปัสสาวะ ส่วนด้านหลังติดกับลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย

ด้านการรักษา แพทย์จะพิจารณาจากปัญหาของผู้ป่วยว่ามีปัญหาเกี่ยวกับอะไร เช่น การปัสสาวะ อุจจาระ หรือการมีเพศสัมพันธ์ แล้วตรวจร่างกายเพื่อประเมินดูสรีระ หรือกายวิภาคทางช่องคลอดเป็นอย่างไร หย่อนด้านหน้าหรือด้านหลัง หรือทั้งสองอย่าง จากนั้นจึงผ่าตัดเพื่อกระชับ ตกแต่ง และแก้ไขปัญหาที่มี การผ่าตัดกระชับช่องคลอดนี้ มีพัฒนาการ สมัยก่อนใช้วิธี ผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง เข้าไปดึงผนังช่องคลอดตรึงไว้กับเอ็นบริเวณกระดูกอุ้งเชิงกราน ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน แต่ปัจจุบันมีเทคนิคการผ่าตัดผ่านทางช่องคลอด ความจริงใช้กันนานแล้ว แต่มีการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อลดการกลับเป็นซ้ำ ทั้งยังเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดผ่านหน้าท้อง หรือแม้กระทั่งการส่องกล้องก็ตาม โดยการผ่าตัดผ่านทางช่องคลอดไม่มีแผลให้เห็นภายนอก ใช้เวลาพักฟื้น 1-2 วัน สามารถกลับบ้านไปใช้ชีวิตตามปกติได้ ภาวะช่องคลอดหย่อนมีโอกาสเกิดเป็นซ้ำได้ใน 3-5 ปี ทว่าปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ ใช้ตาข่ายใยสังเคราะห์มาพยุงไว้ ทำหน้าที่แทนเอ็นกล้ามเนื้อ (วิธีเดิม) รองรับบริเวณผนังช่องคลอดที่หย่อนเพื่อให้ทนทานมากขึ้น หรือในรายที่เคยผ่าตัดแล้วและกลับเป็นซ้ำ อาจต้องพิจารณาใช้ตาข่ายใยสังเคราะห์ขึงผนังช่องคลอดด้านหน้าเอาไว้ไม่ให้ หย่อน แต่ไม่ทำให้รู้สึกถึงสิ่งแปลกปลอม สามารถอุจจาระปัสสาวะได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตามผู้หญิงสามารถฟิตช่องคลอด ป้องกันช่องคลอดหย่อนด้วยการขมิบหรือบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน โดยไม่จำเป็นต้องรอทำหลังคลอดบุตร หรือไม่ต้องรอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยทำ เพราะสามารถขมิบได้ตั้งแต่ยังสาวๆ และปัจจุบันก็มีเครื่องมือที่ช่วยในการฝึกขมิบให้ถูกวิธีด้วย ส่วนความถี่ในการขมิบ แนะนำว่า ทำอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เวลาใดก็ได้เมื่อสะดวก


ขอบคุณที่มาจาก: http://www.dailynews.co.th/article/822/190174